การเปิด Location มีความจำเป็นในกรณีที่เราต้องการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับบริการที่ต้องระบุตำแหน่งที่ เช่น บริการสั่งอาหาร บริการรถรับจ้าง บริการทางการแพทย์เร่งด่วน อย่างนี้เป็นต้น
แต่เราไม่ควรเปิด Location แบบพร่ำเพรื่อเพราะบางแอปจะขออนุญาตเราเข้าถึง Location เพื่อจะนำไปใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์การใช้งาน ซึ่งมันไม่จำเป็นสำหรับเราเลยหรือไม่ได้เพิ่มประโยชน์ในการใช้งานแก่เราแต่อย่างใด
ดังนั้น นับแต่นี้เป็นต้นไปให้สำรวจสมาร์ทโฟนของเราว่า เราได้อนุญาตให้แอปไหนเข้าถึง Location ของเราบ้าง และเราควรอนุญาตให้แอปไหนมีสิทธิ์เข้าถึง Location ของเราจริงๆ โดยพิจารณาจาก 3 ข้อต่อไปนี้
1. ต้องเป็นแอปที่ไว้ใจและปลอดภัย
แอปที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ใช้แล้วว่านอกจากจะใช้งานได้ดีแล้วมันยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย ดังนั้นแอปเหล่านี้คุณสามารถอนุญาตให้เข้าถึง Location ของคุณได้ แต่ก็ต้องติดตามข่าวสารต่างๆ ด้วยเช่นกัน เพราะเคยมีบางแอปที่คนนิยมโหลดมาใช้งานแต่สุดท้ายมีคนพบว่าตัวแอปแอบเก็บข้อมูลโลเคชั่นของผู้ใช้งานส่งไปขาย อย่างนี้เป็นต้น
2. อย่าให้แอปที่ไม่รู้จักหรือแอปที่แค่โหลดมาลองใช้ เข้าถึง Location
มีหลายครั้งที่เราใช้แอปบริการฟรี เช่น แอปลบข้อมูลขยะในสมาร์ทโฟน ซึ่งหลังจากช่วยลบข้อมูลให้แล้ว จากนั้นมักจะเสนอแอปแปลกๆ ให้เราโหลดลงเครื่อง บางแอปมันก็น่าสนใจจนเราอดที่จะโหลดมาลองใช้ดู แต่ข้อควรระวังคือแอปพวกนี้ยังไม่ผ่านการสแกนจากผู้ใช้จำนวนมาก ทำให้ยังไม่รู้ว่ามันแอบแฝงอะไรไม่ดีมาด้วยหรือไม่ เช่นแอบแชร์โลเคชั่นของเรา ดังนั้นหากแอปพวกนี้ขออนุญาตเข้าถึง Location เราต้องปฏิเสธทุกครั้ง
3. อย่าปิดแอป Location ที่เกี่ยวกับการติดตามสมาร์ทโฟน
หลายคนเมื่อแบตเตอรีใกล้หมด ก็มักจะปิด Location เพราะทำให้เปลืองแบตเตอรี แต่หากระหว่างที่ปิด Location แล้วสมาร์ทโฟนถูกขโมย หรือ หล่นหายระหว่างเดินทาง คุณจะไม่สามารถติดตามหาตำแหน่งของสมาร์ทโฟนของคุณได้เลย
จะเห็นได้ว่าการเปิด Location มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะเลือกแบบไหน เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายกับตัวเราและในขณะเดียวกันเราก็ต้องปลอดภัยจากผู้ไม่หวังดีด้วยเช่นกัน
