กรุงศรีแจ้งกำไร 9 เดือน 23.32 พันล้าน พอร์ตสินเชื่อโตหนุนรายได้เพิ่ม

ข่าวล่าสุด

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) และบริษัทในเครือรายงานผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 23.32 พันล้านบาท เติบโต 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการเติบโตของเงินให้สินเชื่อและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้น โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจของกรุงศรีเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 3.9% กอปรกับการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุก เป็นปัจจัยหลักส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 3.44% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565

ทั้งนี้ สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565

กำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 จำนวน 23,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.3% หรือ 4,098 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่กลับมาอยู่ในระดับปกติ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (เงินติดล้อ) ในปี 2564 กำไรสุทธิลดลง 14.9% หรือจำนวน 4,087 ล้านบาท

เงินให้สินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 3.9% หรือจำนวน 74,637 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อเพื่อธุรกิจ อันประกอบด้วยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 6.0% และ 6.2% ตามลำดับ สอดคล้องกับการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและอุปสงค์ภายในประเทศ

เงินรับฝาก ลดลง 3.7% หรือจำนวน 65,438 ล้านบาท จากสิ้นปี 2564 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของเงินรับฝากประจำสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเชิงรุกของธนาคาร

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 3.44% จาก 3.23% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการบริหารจัดการโครงสร้างและต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของธนาคาร

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากการดำเนินงานตามปกติ ลดลงจำนวน 2.3% หรือ 574 ล้านบาท
เมื่อเทียบกับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของเงินติดล้อในปี 2564 รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 11,302 ล้านบาท หรือ 31.3%

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานตามปกติอยู่ที่ 43.4% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 43.0% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 หากไม่รวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของเงินติดล้อ

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.38% เมื่อเทียบกับ 2.20% ณ สิ้นปี 2564 จากนโยบายการจัดชั้นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เชิงคุณภาพของธนาคาร ตอกย้ำนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง

อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 175.0% เมื่อเทียบกับ 184.2% ณ สิ้นปี 2564

อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.62% เทียบกับ 18.53%
ณ สิ้นปี 2564

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 8,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.8%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เติบโตต่ำกว่าคาด เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจะเติบโตในอัตรา 3.1% ในปีนี้ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนมาจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ทั้งนี้ แนวโน้มการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ (Monetary Policy Normalization) อย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ยังสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งในภาคธุรกิจและรายได้ครัวเรือน กรุงศรีคาดว่าเงินให้สินเชื่อรวมของธนาคารจะเติบโตได้ตามขอบบนของกรอบเป้าหมายที่ 3-5% ของปีนี้